มีเพื่อนในกลุ่มไลน์ส่งนิทานเรื่องลิงมาให้อ่าน ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก ผมเลยลองเอามาประยุกต์เข้ากับเรื่องทษฏี Elliot Wave ดู
..เป็นยังไงมาดูกัน.
เรื่องเล่า
กาลครั้งหนี่ง ณ หมู่บ้านแห่งห นึ่งซึ่งเต็มไปด้วยฝูงลิง ชายคนหนึ่งได้เดินทางมาถึงและได้ประกาศแก่ชาวบ้านว่าเขายินดี ซื้อลิงตัวละ 10 เหรียญ
ชาวบ้านเห็นว่ามีลิงอยู่เต็มรอบหมู่บ้าน จึงออกไปจับลิงมาขายให้ชายคนนั้น ซึ่งได้ซื้อลิงไปได้หลายพันตัว จำนวนลิงรอบหมู่บ้านจึง
ลดน้อย ยากที่จะจับมาขายได้อีก ชาวบ้านเลยเลิกจับลิงมาขายให้อีก
ลดน้อย ยากที่จะจับมาขายได้อีก ชาวบ้านเลยเลิกจับลิงมาขายให้อีก
ชายคนเดิมจึงประกาศขึ้นราคาลิง
เป็นตัวละ 20 เหรียญซึ่งทำให้ชาวบ้านหันกลับมาจับลิงอีก ไม่ช้าจำนวนลิงก็ลดลงทำให้จับยากขึ้น
เป็นตัวละ 20 เหรียญซึ่งทำให้ชาวบ้านหันกลับมาจับลิงอีก ไม่ช้าจำนวนลิงก็ลดลงทำให้จับยากขึ้น
ชาวบ้านจึงหันกลับไปทำไร่และลืมเรื่องจับลิง
ชายคนนั้นได้ประกาศเพิ่มราคา
ให้เป็น 25 เหรียญ/ตัว แต่ว่าจำนวนลิงหายากมากขึ้นและยากลำบากมากที่จะจับได้สักตัว
ให้เป็น 25 เหรียญ/ตัว แต่ว่าจำนวนลิงหายากมากขึ้นและยากลำบากมากที่จะจับได้สักตัว
ชายคนดังกล่าวจึงได้ประกาศว่าเขาจะซื้อลิงตัวละ 50 เหรียญถ้าชาวบ้านเอามาขายได้ ..แต่ว่าเขาจะต้องไปทำธุรกิจที่เมืองอื่น ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้ผู้ช่วยของเขา
ทำหน้าที่ซื้อลิงแทนเขา
ทำหน้าที่ซื้อลิงแทนเขา
เมื่อชายคนนั้นเดินทางจากหมู่บ้านไป ผู้ช่วยของเขาได้บอกกับชาวบ้านว่า
“ดูนี่สิ ในกรงมีลิงซึ่งเจ้านายข้าซื้อมาเต็มกรงไปหมด เอาอย่างนี้มั้ย ข้าจะขายลิงให้ท่านตัวละ 35 เหรียญ เมื่อเจ้านายข้ากลับมาจากต่างเมือง พวกท่านก็เอาลิงที่ซื้อไปจากข้าเอาไปขายให้เจ้านายข้าตัวละ 50 เหรียญ กำไรเหนาะๆ”
ชาวบ้านก็รวบรวมเงินออมที่มีไปซื้อลิงทั้งหมดออกมาเพื่อเตรียมขายให้ชายคนนั้น แต่ท้ายที่สุดชาวบ้านทั้งหลายไม่เคยได้เห็นชายคนนั้นและผู้ช่วยของเขากลับมายังหมู่บ้านอีกเลย และตั้งแต่บัดนั้น
หมู่บ้านนั้นก็เต็มไปด้วยฝูงลิงเหมือนอย่างในอดีต
หมู่บ้านนั้นก็เต็มไปด้วยฝูงลิงเหมือนอย่างในอดีต
เอามาประยุกต์กับทฤษฎี Elliot Wave
กาลครั้งหนี่ง ณ ตลาดหุ้นแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยหุ้น(ไม่รุ้ว่าหุ้นดีรึป่าว )ที่คนไม่ค่อยสนใจ นักลงทุนคนหนึ่งได้เดินทางมาถึงตลาดและเห็นหุ้นดังกล่าวนี้และได้ประกาศแก่ชาวบ้านว่าเขายินดี ซื้อหุ้นตัวละ 10 เหรียญ
ชาวบ้านเห็นว่ามีหุ้นอยู่มากมาย จึงออกไปหาหุ้นมาขายให้ชายคนนั้น ซึ่งได้ชายคนนั้นได้ซื้อหุ้นจากชาวบ้านไปได้มากมาย จำนวนหุ้นที่ว่านั้นมีอยู่จำกัดหุ้นจึงลดน้อยลง ยากที่จะหาหุ้นมาขายได้อีก ชาวบ้านเลยเลิกขายหุ้นที่ว่าพวกนั้นให้พ่อนักลงทุนคนนั้นอีก
**(wave 1 เป็นช่วงที่นักลงทุนสะสมหุ้นเพื่อสร้ากระแสและสร้างราคา ช่วงนี้จะมีสะภาพคล่องดี ชาวบัานพากันขายหมู แต่ยังไม่รู้สึกว่าขายหมู)
ชายคนเดิมจึงประกาศขึ้นราคาหุ้นเพื่อซื้อเพิ่มเป็นหุ้นตัวละ 20 เหรียญซึ่งทำให้ชาวบ้านหันกลับไปหาหุ้นมาขายอีก และจำนวนหุ้นดีที่มีอยุ่อย่างจำกัด ไม่ช้าจำนวนหุ้นดีก็ลดลงทำให้หายากขึ้น
**(wave 2 ป็นช่วงที่ชาวบ้านกำลังเสียใจว่าขายหมู ความโลภเข้าครอบงำ และสภาพคล่องหาย แต่นักลงทุนเก็บหุ้นเพิ่มขึ้นเมื่อรู้ว่ายังมีหุ้นเหลืออยู่อีกเพราะ ใครมีหุ้นมากจะได้เปรียบ เพราะต่อรองราคาได้)
ชาวบ้านจึงเลิกหาหุ้นมาขายและลืมเรื่องการหาหุ้นมาขาย
ชายคนนั้นได้ประกาศเพิ่มราคาให้เป็น 25 เหรียญ/ตัว
แต่ว่าจำนวนหุ้นที่ดีหายากมากขึ้นและยากลำบากมากที่จะหาได้สักตัว
**(wave 3 นักลงทุนรุ้ว่ามีหุ้นเหลืออยู่ไม่มาก แต่ก้ต้องเก็บหุ้นเพิ่มเพื่อครองตลาด และเป็นช่วงที่ชาวบัานกำลังโลภ ทุกคนหาหุ้น
มาขายคิดว่าตัวเองได้ราคาดี หุ้นในตลาดเริ่มมีน้อย สภาพคล่อตอนนี้เริ่มน้อยลง)
ชายคนดังกล่าวจึงได้ประกาศว่าเขาจะซื้อหุ้นดีนี้ตัวละ 50 เหรียญถ้าชาวบ้านเอาหุ้นดีมาขายได้
**(wave 4 เป็นช่วงที่รายใหญ่รุ้ว่าหุ้นไม่มีละ และตัวเองเก็บหุ้นได้ครบแล้วก้สร้างกระแสที่น่าดึงดูดใจชาวบ้านให้โลภอีกครั้ง ชาวบ้านมีความหวังว่าจะได้กำไร มีความโลภ)
..แต่ว่านักลงทุนเขาจะต้องไปออกจากตลาดสักพัก ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้ผู้ช่วยของเขา
ทำหน้าที่ประกาสหาซื้อหุ้นดีแทนเขา
เมื่อชายคนนั้นออกจากตลาดไป ผู้ช่วยของเขาได้บอกกับชาวบ้านว่า ...
“ดูนี่สิ ในพอรต์ข้ามีหุ้นดีซึ่งเจ้านายข้าซื้อมาเต็มไปหมด เอาอย่างนี้มั้ย ข้าจะขายหุ้นดีนี้ให้ท่านตัวละ 35 เหรียญ เมื่อเจ้านายข้ากลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง พวกท่านก็เอาหุ้นที่ดีนี้ที่ซื้อไปจากข้าเอาไปขายให้เจ้านายข้าตัวละ 50 เหรียญ กำไรเหนาะๆ”
ชาวบ้านก็รวบรวมเงินออมที่มีไปซื้อหุ้นดีที่ว่านั้นทั้งหมดออกมาเพื่อเตรียมขายให้ชายคนนั้น แต่ท้ายที่สุดชาวบ้านทั้งหลายไม่เคยได้เห็นชายคนนั้นและผู้ช่วยของเขากลับมายังตลาดหุ้นนี้อีกเลย และตั้งแต่บัดนั้น
หมู่บ้านนั้นก็เต็มไปด้วยหุ้นที่ดีที่ว่านั้นเหมือนอย่างในอดีต
***(wave 5 ช่วงนี้เป็นช่วงที่นักลงทุนต้องการเทขายหุ้นเอากำไร โดยบอกให้ความหวังทิ้งท้ายกับชาวบ้านเพื่อดึงดูดความโลภชาวบ้านอีกครั้ง ช่วงนี้จะมีวอลุ่มเข้ามามากจากการขอซื้อของชาวบ้าน(ด้วยความหวังว่าจะรวยกว่าเมื่อก่อน)สภาพคล่องกลับมาดีอีกครั้ง)
***(wave A B และC เวลาผ่านไปไม่มีสภาพคล่อง เพราะไม่มีผู้ขอซื้อหุ้นจากชาวบ้าน ชาวบ้านจึงถือหุ้นไว้รอไม่รุ้เมื่อไหร่จะมีคนมาขอซื้อเหมือนเดิมอีก เขาเรียกว่าติดดอยกันทั้งหมู่บ้าน และนักลงทุนก้ฟันกำไรเหนาะๆ )
ตอนนี้คงเข้าใจดีขึ้นละนะว่า...ตลาดหุ้นมันทำงานยังไง!!
ตัวละครในเรื่อง
พ่อค้าคือคนปั่นหุ้น / แต่งเรื่องสร้างกระแสให้สิ่งที่มีค่าดูมีค่าขึ้นมาแต่จริงๆแล้วมันไม่มีค่า!
ผู้ช่วยพ่อค้าคือ พวกปั่นหุ้นแก้งเดียวกันกับพ่อค้า
ชาวบ้าน คือ แมงเม่า
หมู่บ้านคือตลาด
ลิงคือหุ้นไม่ดี ไม่มีค่า แต่ทำให้คนอื่นเชื่อว่าว่ามันมีค่า
สมมุติพ่อค้า
ขอซื้อหุ้นตัวละ 10 , 1,000,000หุ้น จ่ายเงิน -10,000,000
ขอซื้อหุ้นอีกตัวละ 20, 1,000,000หุ้น จ่ายเงิน-20,000,000
ขอซื้อหุ้นอีกตัวละ25, 1,000,000หุ้นจ่ายเงิน-25,000000
**ขอซื้อหุ้นอีกตัวละ50,1,000,000หุ้น แต่! พ่อค้าออกจากตลาดไปแล้วบอกว่าจะเข้ามาและซื้อราคา50บาทที่ว่านี้
**เฉลี่ยต้นทุนพ่อค้าเท่ากับ หุ้นละ 18.33บาท ((10+20+25)/3) จ่ายเงินไปทั้งหมด เท่ากับ 55,000,000
ลูกมือพ่อค้าขายหุ้นตัวละ 35บาท ทั้งหมด 3,000,000หุ้น ได้รับเงินเท่ากับ 105,000,000
พ่อค้าได้กำไร เท่ากับ. 50,000,000 คิดเป็น +90.90%
รายย่อย
ได้รับเงินทั้งหมด เท่ากับ 55,000,000บาท (10,000,000+20,000,000+25,000,000)
จ่ายไปทั้งหมด เท่ากับ 105,000,000บาท (ซื้อหุ้นคืน3,000,000หุ้นราคา35บาท)
รายย่อยขาดทุน 45,000,000บาท คิดเป็น -81.81%
สรุปการดูจิตวิทยา
-สามารถใช้ทฤษฎีคลื่นเอเลียต ในการวิเคราะห์จะตามทันสภาวะตลาด ดูให้ออกว่าเป็นเทรนอะไร
-ดูwave ว่าเป็นwave ไหน คนกำลังรุ้สึกอย่างไร?
-ดูสภาพข่าวประกอบว่ามีนัยอย่างไร? คนรักรู้อะไรบ้างต่อข่าวนั้น? ข่าวดีดูพื้นฐานประกอบ ข่าวร้ายก็ดูพื้นฐานประกอบว่าข่าวนั้นบิดเบือนจากพื้นฐานไปอย่างไร? มากเท่าไหร่? คนอื่นคิดอะไรอยู่?
-ดูสภาพคล่องประกอบว่าเชื่อมโยงกับข่าวไหม? เชื่อโยงกับกับwaveไหม?อย่างไร?
-ดูโมเมนตัมประกอบ เพื่อให้รุ้ว่าคนมีความโลภมากน้อยเพียงใด เขากำลังซื้อกำลังขายอยู่
แล้วตลาด ณ ปัจจุบันเป็นอย่างไร????
บันทึก 20/10/2014


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น