การบริหารอารมณ์ (Mindset/Psychology) จะให้ความสำคัญมากที่สุด 60%
1.ต้องบริหารความเสี่ยง(Risk Management) ไม่ใช่พยายามทำกำไรให้มากหรือไปหลงไปฝันหากำไร จึงต้องให้เห็นว่า MM สำคัญกว่า Method เสมอ 2. มีความรู้ตระหนักเห็นว่าความพอเพียง หรือเศรษฐกิจพอเพียง ว่านั้นคือ "ความร่ำรวย" เราจึงต้องมีกำไรพอเพียง ไม่มากแต่ พอเพียง
3. เข้าใจธรรมชาติของการทบต้นของเงินทุน ว่ามันต้องใช้เวลา, รู้กำลังของตลาด และ อะไรคืออารมณ์ของแมงเม่าที่จะทำให้ลงทุนผิดพลาด
4. ให้ความสำคัญกับการกำจัดความโลภและความกลัว ของตัวเอง โดยเราจะไม่ไปยุ่งกับ 2 อารมณ์นี้โดยจะออกแบบระบบ และทำตามมันซะ
5. รู้จักคำจัดความของคำว่า "ความร่ำรวย" อย่างแน่ชัด โดยไม่สงสัยว่า คนร่ำรวยนั้นคือ "คนที่มีทรัพย์สินมากกว่าความต้องการ หรือคนที่มีความต้องการน้อยกว่าทรัพย์สิน" ซึ่งทั้ง 2 ลงเอยมีความพอใจหรือความร่ำรวยเท่ากัน แต่วิธีแรกซึ่งไปเพิ่มการหาทรัพย์ ซึ่งยากมาก ให้เราเอาตัวอย่างเช่น กษัติย์ไทย หรือหลวงตามหาบัว ผู้บริจาคทองเข้าการคลังของประเทศ ทำให้เราเห็นว่า ตายไปยังไงก็เอาไปไม่ได้ บุญต่างหากที่จะเอาไปได้ ดังนั้นการลดความต้องการจึงง่ายกว่า หรืออีกคนนึง รวยมากแต่ไม่มีความมสุข มีแต่คนสาปแช่ง กลัวทรัพย์หายไป กลัวไม่มีอำนาจ ทำให้มีความอยากมากขึ้นไปอีก ไม่มีสิ้นสุด ฉะนั้นถ้าไม่พอเพียงจึงส่งผลทำให้การลงทุนเสียหาย! ความร่ำรวยมันจึงอยู่ที่ Mindset หรือวิธีคิดนั่นเอง
6. มีความคิดแบบตรรกะ มีเหตุมีผล สอดคล้องกัน เช่น เข้าใจว่ากำไรที่ได้ก็เพราะมีเหตุตรงที่เราได้ควบคุมความเสี่ยงไว้ดีแล้วนั่นเอง
7. ต้องเข้าใจอย่างแน่ชัดว่า ไม่มี Holy Grail (จอกศักสิทธิ์) หรือไม่มีทางลัดของการลงทุน หรือถ้ามี Rotchild Family หรือกองทุนใหญ่ๆเขาได้ไปแล้ว ดังนั้นให้เราหวังผลตอบแทนพอประมาณที่ 15% ต่อปี ซึ่งนั่นเท่ากับ Warren E. Buffet ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในโลกมาจากการเล่นหุ้นนั้นทำได้นั่นเอง อย่าไปหาวิธีการเทรดให้รวยเร็ว เช่น 100% 1,000% ในเวลาสั้นๆ มันเป็นการพนัน มันมี แต่ระยะยาวมันคืนหมด ฉะนั้นเราจะไม่หา Holy Grail เพราะมันไม่มี และมันทำให้เราเสียเวลา คือต้องมีสัมมาทิฐิ(Right View) ให้เป็นฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง
8. ทำความเห็นว่าต้องเชื่อในระบบของการลงทุนของตัวเอง และต้องอยู่กับระบบให้นั้นนานพอ ไม่ว่าจะเป็น VI หรือ Technical เพราะมันได้กำไรทุกวิธีอยู่แล้ว แต่ระบบมันต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวมันเองเท่านั้นแอง ใจเราต่างหากที่สำคัญ และรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ บริหารพอร์ตอย่างไรอยุ่ !!
9. ต้องทำความเห็นว่าวินัยการลงทุนนั้นทำให้เราประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อไม่มีวินัยแล้วนั้น การลงทุนจะเสียหายทั้งระบบ เราจึงต้องทำตามระบบอย่างเคร่งครัด ถ้าอยากรวย ...อย่าหาข้ออ้าง! เมื่อได้วางแผนก่อนลงทุนเสร็จแล้ว...รวยอยู่แล้วแค่ทำตามระบบ
10. ตระหนักว่าชีวิตคือการลงทุน เพราะว่าเราต้องใช้ เงิน แรง เวลา ของเรา ลงทุนตลอดชีวิตเพื่ออะไรบางอย่าง เราจะไม่ประมาท จะไม่หลงไปเล่นการพนัน เพราะการพนันคือการเสี่ยงมาก ฉะนั้นเราจึงต้องลงทุนให้สอดคล้องกับการใช้เวลาของเราด้วย เพราะเวลามีจำกัด และสุดท้ายเราต้องลงทุนเผื่อโลกหน้าด้วย โดยการทำบุญ (เพื่อป้องกันความเสี่ยงเผื่
อโล
กหน้ามีจริง) วันนั้นเราจะมีบุญติดตัวไป
11.รู้จักการให้ แล้วค่อยรับ (Give & Take) >> หมั่นบริจาคเงิน(ทาน) บำรุงศานาอย่างสม่ำเสมอ รักษาศีล และภาวนา เพื่อควบคุมความอยาก แต่สำหรับคนที่รวยเร็วนั่นเป็นเ
พราะบุญวาสนาของเขาที่เคยได้สั่
งสมมามากในอดีตนั่นเอง เมื่อบุญหมดเขาก็กลับไปที่เดิม แต่เรื่องวาสนานั้น เราก็สามารถเริ่มสั่งสมได้ในชาต
ินี้เช่นกัน เริ่มที่การทำทาน และทำบุญ..
12. ต้องเข้าใจให้ได้ว่าตลาดทุนนั้น
มีความไม่เที่ยง มีขึ้น มีลง และมีความผันผวนเป็นธรรมดา เพราะมันมีความโลภและความกลัวขอ
งนักลงทุนเสมอ ไม่ว่านักลงทุนจะเปลี่ยนหน้า ล้มหายตายจากตลาดไปก็ตาม คนที่เข้ามาไหม่ก็เข้ามาทำการซื
้อและขาย ด้วยความโลภ อย่างนี้ตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์ เราจึงไม่เล่นสวนตลาด(Counter trend trading) แต่เราจะเล่นตามเทรนด (Trend Following) คือขึ้นเราขึ้นตาม ลงเราลงตาม และเราจะไม่สามารถทำนายตลาดให้ถ
ูกได้ 100% ทุกครั้งและตลอดไป เราจึงใช้ Probability และ Possibility มาทำกำไร และเราจึงต้องมี Stop Loss เสมอ เพื่อควบคุมความเสี่ยงในทุกครั้
ง เราจะได้กำไรพอเพียงในระยะยาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น