มารู้จักกัน คลิ๊กเลย!

มารู้จักกัน คลิ๊กเลย!
มารู้จักกัน คลิ๊กเลย!

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

จิตวิทยาการเทรดของผม

การบริหารอารมณ์ (Mindset/Psychology) จะให้ความสำคัญมากที่สุด 60%



   1.ต้องบริหารความเสี่ยง(Risk Management) ไม่ใช่พยายามทำกำไรให้มากหรือไปหลงไปฝันหากำไร จึงต้องให้เห็นว่า MM สำคัญกว่า Method เสมอ

   2. มีความรู้ตระหนักเห็นว่าความพอเพียง หรือเศรษฐกิจพอเพียง ว่านั้นคือ "ความร่ำรวย" เราจึงต้องมีกำไรพอเพียง ไม่มากแต่ พอเพียง

   3. เข้าใจธรรมชาติของการทบต้นของเงินทุน ว่ามันต้องใช้เวลา, รู้กำลังของตลาด และ อะไรคืออารมณ์ของแมงเม่าที่จะทำให้ลงทุนผิดพลาด

   4. ให้ความสำคัญกับการกำจัดความโลภและความกลัว ของตัวเอง โดยเราจะไม่ไปยุ่งกับ 2 อารมณ์นี้โดยจะออกแบบระบบ และทำตามมันซะ

   5. รู้จักคำจัดความของคำว่า "ความร่ำรวย" อย่างแน่ชัด โดยไม่สงสัยว่า คนร่ำรวยนั้นคือ "คนที่มีทรัพย์สินมากกว่าความต้องการ หรือคนที่มีความต้องการน้อยกว่าทรัพย์สิน" ซึ่งทั้ง 2 ลงเอยมีความพอใจหรือความร่ำรวยเท่ากัน แต่วิธีแรกซึ่งไปเพิ่มการหาทรัพย์ ซึ่งยากมาก ให้เราเอาตัวอย่างเช่น กษัติย์ไทย หรือหลวงตามหาบัว ผู้บริจาคทองเข้าการคลังของประเทศ ทำให้เราเห็นว่า ตายไปยังไงก็เอาไปไม่ได้ บุญต่างหากที่จะเอาไปได้ ดังนั้นการลดความต้องการจึงง่ายกว่า หรืออีกคนนึง รวยมากแต่ไม่มีความมสุข มีแต่คนสาปแช่ง กลัวทรัพย์หายไป กลัวไม่มีอำนาจ ทำให้มีความอยากมากขึ้นไปอีก ไม่มีสิ้นสุด ฉะนั้นถ้าไม่พอเพียงจึงส่งผลทำให้การลงทุนเสียหาย! ความร่ำรวยมันจึงอยู่ที่ Mindset หรือวิธีคิดนั่นเอง

   6. มีความคิดแบบตรรกะ มีเหตุมีผล สอดคล้องกัน เช่น เข้าใจว่ากำไรที่ได้ก็เพราะมีเหตุตรงที่เราได้ควบคุมความเสี่ยงไว้ดีแล้วนั่นเอง

   7. ต้องเข้าใจอย่างแน่ชัดว่า ไม่มี Holy Grail (จอกศักสิทธิ์) หรือไม่มีทางลัดของการลงทุน หรือถ้ามี Rotchild Family หรือกองทุนใหญ่ๆเขาได้ไปแล้ว ดังนั้นให้เราหวังผลตอบแทนพอประมาณที่ 15% ต่อปี ซึ่งนั่นเท่ากับ Warren E. Buffet ซึ่งเป็นคนรวยที่สุดในโลกมาจากการเล่นหุ้นนั้นทำได้นั่นเอง อย่าไปหาวิธีการเทรดให้รวยเร็ว เช่น 100% 1,000% ในเวลาสั้นๆ มันเป็นการพนัน มันมี แต่ระยะยาวมันคืนหมด ฉะนั้นเราจะไม่หา Holy Grail เพราะมันไม่มี และมันทำให้เราเสียเวลา คือต้องมีสัมมาทิฐิ(Right View) ให้เป็นฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง

   8. ทำความเห็นว่าต้องเชื่อในระบบของการลงทุนของตัวเอง และต้องอยู่กับระบบให้นั้นนานพอ ไม่ว่าจะเป็น VI หรือ Technical เพราะมันได้กำไรทุกวิธีอยู่แล้ว แต่ระบบมันต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวมันเองเท่านั้นแอง ใจเราต่างหากที่สำคัญ และรู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ บริหารพอร์ตอย่างไรอยุ่ !!

   9. ต้องทำความเห็นว่าวินัยการลงทุนนั้นทำให้เราประสบความสำเร็จ เพราะเมื่อไม่มีวินัยแล้วนั้น การลงทุนจะเสียหายทั้งระบบ เราจึงต้องทำตามระบบอย่างเคร่งครัด ถ้าอยากรวย ...อย่าหาข้ออ้าง! เมื่อได้วางแผนก่อนลงทุนเสร็จแล้ว...รวยอยู่แล้วแค่ทำตามระบบ

   10. ตระหนักว่าชีวิตคือการลงทุน เพราะว่าเราต้องใช้ เงิน แรง เวลา ของเรา ลงทุนตลอดชีวิตเพื่ออะไรบางอย่าง เราจะไม่ประมาท จะไม่หลงไปเล่นการพนัน เพราะการพนันคือการเสี่ยงมาก ฉะนั้นเราจึงต้องลงทุนให้สอดคล้องกับการใช้เวลาของเราด้วย เพราะเวลามีจำกัด และสุดท้ายเราต้องลงทุนเผื่อโลกหน้าด้วย โดยการทำบุญ (เพื่อป้องกันความเสี่ยงเผื่

อโลกหน้ามีจริง) วันนั้นเราจะมีบุญติดตัวไป

   11.รู้จักการให้ แล้วค่อยรับ (Give & Take) >> หมั่นบริจาคเงิน(ทาน) บำรุงศานาอย่างสม่ำเสมอ รักษาศีล และภาวนา เพื่อควบคุมความอยาก แต่สำหรับคนที่รวยเร็วนั่นเป็นเพราะบุญวาสนาของเขาที่เคยได้สั่งสมมามากในอดีตนั่นเอง เมื่อบุญหมดเขาก็กลับไปที่เดิม แต่เรื่องวาสนานั้น เราก็สามารถเริ่มสั่งสมได้ในชาตินี้เช่นกัน เริ่มที่การทำทาน และทำบุญ..

   12. ต้องเข้าใจให้ได้ว่าตลาดทุนนั้นมีความไม่เที่ยง มีขึ้น มีลง และมีความผันผวนเป็นธรรมดา เพราะมันมีความโลภและความกลัวของนักลงทุนเสมอ ไม่ว่านักลงทุนจะเปลี่ยนหน้า ล้มหายตายจากตลาดไปก็ตาม คนที่เข้ามาไหม่ก็เข้ามาทำการซื้อและขาย ด้วยความโลภ อย่างนี้ตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์ เราจึงไม่เล่นสวนตลาด(Counter trend trading) แต่เราจะเล่นตามเทรนด (Trend Following) คือขึ้นเราขึ้นตาม ลงเราลงตาม และเราจะไม่สามารถทำนายตลาดให้ถูกได้ 100% ทุกครั้งและตลอดไป เราจึงใช้ Probability และ Possibility มาทำกำไร และเราจึงต้องมี Stop Loss เสมอ เพื่อควบคุมความเสี่ยงในทุกครั้ง เราจะได้กำไรพอเพียงในระยะยาว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น