มารู้จักกัน คลิ๊กเลย!

มารู้จักกัน คลิ๊กเลย!
มารู้จักกัน คลิ๊กเลย!

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

รู้จักเครื่องผลิตเงิน




                ไม่ว่าใครๆก็ตามก็อยากมีชีวิตสบายๆ ชิวๆ เพื่อนๆว่าไหมครับ?  (แม้กระทั่งตัวผมเอง) ฉะนั้นเมื่อมนุษย์ทุกคนอยากสบายพวกเขาก็คิดหาทางที่จะทำให้ตัวเองไม่ต้องลำบาก พวกเขาจึงสร้างเทคโนโลยี ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเงิน ระบบขนส่ง หรือระบบอื่นๆต่างๆมากมายขึ้นมาบนโลก จึงทำให้หลายชีวิตของมนุษย์ที่มันเป็นปกติของมันอยู่แล้วนั้นมันมีซับซ้อนมากขึ้น แต่ในความซับซ้อนที่มากขึ้นนั้นพวกเขาก็ได้ความสะดวกสบายมากขึ้นจริงๆเพราะความก้าวหน้าเทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์... เช่น ถ้าพวกเขาต้องการกินอาหารอร่อยๆและมีประโยชน์ต่อร่างกาย พวกเขาก็ควบคุมการผลิตเฉพาะอาหารที่ต้องการจะกิน หรือว่าถ้าอยากจะเดินทางไปสำรวจบนพื้นที่บางแห่งของโลกพวกเขาก็สร้างยานพาหนะที่ทำให้เขาไปยังที่หมายตามใจปราถณา  หรือแม้กระทั่งถ้าพวกเขาอยากจะสื่อสารกับผู้อื่นในโลกได้พวกเขาก็สร้างเทคโนโลยีที่ทำให้เขาได้ทำได้สมใจปราถณา ซึ่งมนุษย์ทำได้ทุกอย่างตามที่ใจเขาปราถณานั่นแหละ แต่จะเห็นไหมว่า มนุษย์นั้นไม่เคยพอสักที เพราะตั้งแต่ในยุคโบราณจนถึงปัจจุบันมนุษย์ก็ยังไม่เคยหยุดพัฒนาเทคโนโลยีเลย.... เพราะอะไร?  ก็เพราะความต้องการของมนุษย์ไม่เคยสิ้นสุด ไม่ว่าจะเกิดในยุคไหน ประเทศไหน ใช้ภาษาไหน คำว่า "ความต้องการ"  หรือความอยาก มันก็คือสิ่งเดียวกัน  ในเมื่อความต้องการของมนุษย์ไม่มีวันสิ้นสุด การพัฒนาเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมต่างๆจึงได้เกิดขึ้นไหม่อยู่เรื่อยๆตามพัฒนาการความต้องการของมนุษย์นั่นเอง  แต่การที่มนุษย์จะได้รับความสะดวกสบายจากสินค้าและบริการนั้นมนุษย์จะต้องเอาบางอย่างไปแลกมา และปัจจุบันนี้เขาเอาอะไรไปแลกกันละ?

                ในช่วงที่เริ่มมีระบบเงินตราขึ้นมาบนโลก และสิ่งที่เรียกว่า "เงิน" กลายมาเป็นสิ่งที่นิยมนำมาถูกใช้เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการตามที่มนุษย์ต้องการ ดังนั้นการที่มนุษย์คนนึงจะได้รับความสะดวกสบายจากสินค้าบริการนั้น คนคนนั้นจะต้องมี "เงิน" ไปแลกมา!! .....แต่ลองคิดดูสิครับว่า สมมุติว่าถ้าคนคนนึงต้องการได้รับความสะดวก สบายจากสินค้าและบริการที่รวดเร็ว ทันใจตลอดเวลา เขาจะต้องมีเงินมากเท่าไหร่ที่จะต้องให้พอกับราคาของสินค้าและบริการนั้นจะที่จะบำรุง บำเรอเขาไปตลอดชีวิตได้?  ซึ่งมองเผินๆแล้วดูเป็นไปได้ยาก เพราะมนุษย์มีเวลาจำกัดที่ 24 ชม.ใน 1 วัน และร่างกายของมนุษย์ก็ต้องการพักผ่อนอีกอย่างน้อยประมาณ 6 ชม. แล้วพวกเขาจะเอาแรง และเวลาที่ไหนไปหาเงินละ?  ดูเหมือนจะป็นไปไม่ได้ แต่เป็นไปได้ครับ เขาก็ใช้เครื่องทุ่นแรงยังไงละครับ เพราะเมื่อเขาต้องการเงิน เขาก็แค่สร้างเครื่องผลิตเงินขึ้นมาไง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำได้คล้ายๆกับที่นักวิทยาศาสตร์สร้างนวัตรกกรมไหม่ขึ้นมานั่นแหละ แต่ไม่จำเป็นต้องนักวิทยาศาสต์หรอก เพราะคนทั่วๆไปก็สามารถมีเครื่องผลิตเงินนี้ที่จะผลิตเงินออกมาให้เขาไปซื้อสินค้าและบริการได้ตามใจปราถณาครับ ....ยังไงมาดูกัน?



           ช่วงนี้ขอสาธยายเรื่องเครื่องผลิตเงินเพิ่มเติมอีกสักหน่อยนะครับ .......เอาละนะ ---ตอนที่ก่อนจะมีการปฏิวัติระบบเงินตรานั้น การที่แต่ละประเทศในโลกนั้นจะพิมพ์เงินหรือผลิตเงินออกมาได้ ประเทศนั้นๆจะต้องมีทองคำสำรองไว้เสียก่อน แต่เมื่อช่วงหลังสงครมโลกครั้งที่ 1 ประเทศอเมริกาได้ขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก  เขาก็มายกเลิกระบบเงินตราด้วยวิธีนี้เอาดื้อๆ  คือปกติจะพิมพ์เงินออกมาใช้ได้จะต้องมีทองคำสำรองไว้ก่อน แต่อเมริกาไม่ต้องมีทองคำก็พิมพ์เงินได้เลย แต่ต้องเป็นอเมริกาประเทศเดียวเท่านั้นนะ ประเทศอื่นต้องมีทองคำสำรองไว้เหมือนเดิม ซึ่งถ้าประเทศไหนมีปัญหาให้ไปคุยคุยกับอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกาว่าเขาจะยอมไหม(อเมริกาแมร่งเก๋ามาก)  ปัจจุบันจึงทำให้อเมริกาเป็นผู้ควบคุมระบบเงินตราของโลก เพราะเขาก็มีเครื่องผลิตเงินเป็นของตัวเอง ...แล้วยังไง? อเมริกาก็สบายนะสิครับ สามารถใช้สินค้าและบริการจากทั่วโลกได้นะสิครับโดยไม่ต้องออกแรงอะไรมากครับ แค่พิมพ์เงินออกมาใช้มันส์อย่างเดียว (แต่พวกโรงงานนรกอย่างฝั่งเอเชีย เช่น จีน ไทย ฯลฯ  ที่ต้องทำงานหนักได้ค่าแรงขั้นต่ำๆ(ติดดิน)ก็ยอมผลิตสินค้าดีๆไปให้ เพราะอำนาจของเงินทุน) แต่ในการพิมพ์เงินของอเมริกาออกมาแต่ละครั้งนั้นอเมริกาเขาจะเป็นหนี้ เพราะเอาหนี้ไปขายให้ประเทศอื่นเป็นคนแบกแทน โดยการขายพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้ (ซึ่งปัจจุบันไม่รู้ว่าอเมริกาจะใช้ยังไงไหวเพราะมันเยอะเหลือเกิน และแต่ละครั้งที่พิมพ์เงินอเมริกาจะประกาศให้ทั้งโลกรับรู้ว่าเป็นหนี้ แต่ไม่มีใครกล้าหือทวง เพราะอำนาจทางการทหารและอาวุธเขายังมีอยู่ และที่สำคัญเขาคุมระบบการเงินโลกอยู่ เพราะถ้าอเมริกาล่มสลายหลายประเทศก็ล้มตามเป็นโดมินโน ปัจจุบันจึงต้องประครองอเมริกาไว้)  ในการพิมพ์เงินออกมานั้นแต่ละครั้งมีผลมากต่อราคาสินค้าและราคาสินทรัพย์ต่างๆในโลก  ดังนั้นก่อนที่จะพิมพ์เงินออกมานั้นประธานธนาคารกลางของอเมริกาเขาจะออกมาประกาศก่อนล่วงหน้าว่า "..ฉันจะพิมพ์เงินเพิ่มแล้วนะ  เอ้า! ข้าวของต่างๆเตรียมขึ้นราคาได้เลย !!! "  ...ทำไมราคาข้าวของขึ้นละ? ก็เพราะว่าถ้าสมุมติเงินทั้งโลกมีอยู่ 10 ล้านหน่วย ซื้อข้าวได้ 10 ล้านตันที่ราคาตันละ 1 หน่วย แต่อยู่ดีๆ ใครไม่รู้ เอาเงินมาจากไหนก็ไม่รู้ ก็เอาเข้ามาเพิ่มจากเดิม 10 ล้านหน่วย กลายเป็น 20 ล้านหน่วย (เพิ่มขึ้นเท่าตัวดื้อๆ) แต่ข้าวสามารถผลิตได้ ปริมาณ 10 ล้านตันอยู่เท่าเดิม จะทำอย่างไรละครับเพื่อให้มูลค่ามันเท่ากัน  ง่ายๆก็คือ ราคาข้าวก็เพิ่มขึ้นเป็นตันละ 2 บาทสิครับ ซึ่งภาวะที่ข้าวของขึ้นราคาอย่างนี้เขาเรียกว่า ภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) ซึ่งจะส่งผลให้คนจนจนลงไปอีก ส่วนคนรวยก็รวยขึ้นไปอีก แต่คำถามที่สำคัญคือว่าถ้าราคาข้าวของแพงขึ้นแล้วใครได้ประโยชน์ คำตอบก็คือก็คนขึ้นราคาข้าวของนะสิครับ ....แล้วใครละ?  ก็คือพ่อค้าหรือพวกนักธุรกิจหัวใสทั้งหลายนะสิ


                 เมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างนี้ถ้ามนุษย์ธรรมดาๆคนนึง(สมมุติว่าเขาทำงานในโรงงาน) เขามีทั้งเวลาและร่างกายที่จำกัด และแต่รับค่าแรงขั้นต่ำ เมื่อราคาข้าวของขึ้นไป แต่ค่าแรงพวกเขาไม่ขึ้นตาม พวกเขาจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวของที่แพงขึ้นไหวละ จริงมั้ยครับ?  --ใช่ครับ! ...ยาก!!  เพราะพวกเขาไม่สามารถพิมพ์เงินเองได้ด้วยยังไงละครับ แต่ !!!!!!!  แต่เดี๋ยวก่อนๆๆๆๆ  แต่พวกเขาทุกคนก็สามารถสร้างเครื่องผลิตเงินได้เองเช่นกันนะ  .......ทำอย่างไรละ?!!  

                อย่างที่พวกเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าความต้องการของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด และมนุษย์ต้องการความสะดวกสบายตลอดเวลา พวกเขาจึงมีการบริโภคตลอดเวลา ดันนั้นเครื่องผลิตเงินที่ทุกคนจะสร้างได้คือ ต้องพยายามผันตัวจากเป็นคนทำงานในโรงงานธรรมดา(ลูกจ้าง)มาเป็นผู้สร้างสินค้าและบริการขายให้คนอื่น  ซึ่งเขาเรียกว่า "พ่อค้า"  หรือเป็นการเปลี่ยนจากการเป็นผู้ใช้สินค้าและบริการมาเป็นผู้จำหน่ายสินค้าและบริการแทน แค่นี้ก็เป็นการทุ่นแรงได้เป็นอย่างดีแล้วละครับ เพราะเป็นการใช้ประโยชน์จากความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของคน และการเป็นพ่อค้าหรือเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น เราสามารถผลิตสินค้าได้จำนวนมากๆ และขายได้จำนวนมากๆ และได้กำไรมากๆ จากการใช้เทคโนโลยีและวิธีบริหารต้นทุนที่ดีนั่นเอง แค่นี้เงินก็ไหลเข้ามาทีละมากๆแล้วละครับ ซึ่งมันแตกต่างจากการที่จะใช้แรงและเวลาของตัวเองไปทำงานรับค่าแรงขั้นต่ำอย่างเดียว ซึ่งก็เข้าใจกันแล้วว่าแรงและเวลามีอยู่อย่างจำกัด เพราะถ้าใช้แรงและเวลาไปทำอย่างนั้นก็จะยากมากๆที่จะทำเงินเยอะๆได้ครับ ดังนั้นถ้าเรามีธุรกิจแล้ว ยิ่งถ้าธุรกิจของเราขายสินค้าและบริการที่มีคนอื่นต้องการตลอดเวลา แค่นี้เงินก็ไหลมาไม่หยุดแล้วละครับ สรุปว่า ธุรกิจ ก็คือเครื่องผลิตเงิน และเป็นเครื่องทุ่นแรงให้กับคนธรรมดาที่ไม่ธรรมดาได้ดีอีกอย่างนึงเลยนะครับ




                สมัยนี้นอกจากเครื่องผลิตเงิน ที่ผมเรียกว่า "ธุรกิจ"  นั้นแล้วก็มีเครื่องผลิตเงินในหลายรูปแบบและง่ายกว่าการที่เราจะมานั่งสร้างธุรกิจเองแล้วละครับ เพราะการสร้างธุรกิจด้วยตัวเองนั้นมันก็ไม่ง่ายเลย และมันมีความเสี่ยง แล้วเราจะเป็นเจ้าของธุรกิจได้อย่างไรละ? ซึ่งก็คือ 1.รับมรดกตระกูลมา 2.สร้างธุกิจขึ้นมาเอง 3.ไปซื้อแฟนไชส์เขามา และ4.เข้าร่วมเป็นเจ้าของ ซึ่งวิธีสุดท้ายนี้ง่ายและสะดวกมากในปัจจุบัน และไม่ต้องใช้แรงงานและเวลาในการดูแลกิจการมากนัก  ซึ่งวิธีการก็คือการเข้าไปซื้อ สิ่งที่เรียกว่า "หุ้น"  ซึ่งเป็นสัดส่วนการเป็นเจ้าของร่วมในกิจการของเขาก็ได้ และถ้าเราซื้อหุ้นธุรกิจ หรือกิจการที่ดี หรือที่เราได้สนใจจะเป็นเจ้าของแล้ว และเห็นว่าเป็นธุรกิจนั้นมั่นคง ที่สร้างกระแสเงินสดในรูปแบบของปันผลมาให้เราใช้จ่ายสม่ำเสมอ เราก็เข้าไปร่วมลงทุนกับเขาและเงินรับปันผลอย่างสม่ำเสมอ และเราไม่ต้องใช้แรง+เวลาของเราออกไปทำงานหาเงินอีก เพียงแต่ให้ธุรกิจทำเงินให้เราตลอดเวลา และถ้าใครมีเครื่องผลิตเงินแล้วเขาก็ไม่ต้องทำงานหาเงินอีกต่อไป ฉะนั้น "ธุรกิจ" นี่ก็เรียกว่าเป็นเครื่องผลิตเงินได้แล้วละครับ ลองศึกษาเรื่องเครื่องผลิตเงินนี้เพิ่มเติมนะครับเพราะมันมีหลายรูปแบบ และบางทีมันก็เปลี่ยนตามนวัตกรรมหรือยุคสมัยด้วยครับ 





1 ความคิดเห็น:

  1. ขอให้เป็นวันที่ดี,
    ฉัน voorhees philip ฉันต้องการลงทุนในธุรกิจของคุณด้วยความสุจริตฉันมีเงินทุนสำหรับการลงทุนที่ทำกำไรฉันยังเสนอสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอัตราดอกเบี้ยต่อปีต่ำมากถึง 3% ภายในระยะเวลาการชำระคืนหนึ่งปี เป็นส่วนหนึ่งของโลก

    คุณต้องการเครดิตที่อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปีสำหรับจำนวนเงินทั้งหมดที่คุณต้องการเงินทุนหรือการเป็นหุ้นส่วนหุ้น 50/50% เป็นระยะเวลา 1 ถึง 10 ปีหรือไม่? ฉันต้องการทราบทางเลือกของคุณเพื่อให้เราสามารถดำเนินการเจรจาได้จำนวนเงินทุนสูงสุดคือ $ 100million USD
    ติดต่อ EMAIL: info@voorhinvestcorp.com
    URL ของเว็บไซต์: http://voorhinvestcorp.com/
    WhatsApp: +1 4704068043
    LINE ID: philipvoor
    อีเมล: voorheesphilip@gmail.com
    ขอบคุณ
    VOORHEES PHILIP

    ตอบลบ